ประสิทธิ์ ชำนาญไพร




ประสิทธิ์ ชำนาญไพร

เพื่อระลึกถึงเพื่อนนักดนตรีที่ล่วงลับไปแล้ว เขาชื่อ ประสิทธิ์ ชำนาญไพร เป็นนักดนตรีผู้หนึ่งที่อยู่เป็นตำนานในยุคที่พวกเราเล่นดนตรี.
.
เป็นผู้ที่มีฝีมือควรค่าแห่งการจดจำ และน้อมคารวะ

*********

ผมรู้จักประสิทธ์ เมื่อเป็นวง ซิลเวอร์แซนด์ ก่อนหน้านั้นเขาเล่นกับวง ไอ.เอส.คอมโบ มาก่อน แต่มาโด่งดังกับวงนี้เพราะมีนักร้องนักดนตรีที่มีฝีมือมากมาย

เมื่อครั้งที่วงผม สวิงเกอร์ส มาเล่นที่โรงแรม ฟลอริดา.. ประสิทธิ์ ชำนาญไพร คนนี้ก็มาร่วมเล่นกับวงผมด้วย


ประสิทธิ์เป็นคนที่ขยันมาก กลางคืนเล่นดนตรี กลางวันก็ทำงานที่ กรมสรรพากร และบางทีก็เข้าห้องอัดเสียงทำเพลง มีความสามารถในการเขียนเพลง(โน้ตเพลงวงใหญ่)เพราะมีผู้แต่งเพลงมาจ้างให้เขาทำดนตรีจนเข้าขากันดี

ผมรู้จักห้องอัดเสียง เพราะ ประสิทธ์ ชำนาญไพร คนนี้แหละ..เขาเป็นผู้นำผมเข้าห้องอัดทำหน้าที่ดีดกีต้าร์เบสส์ตามที่เขาเขียนเพลงมาให้เล่น

เหนื่อยกับห้องอัดสมัยนั้นจริงๆ ไม่รู้ว่ามิกเซอร์สามารถผสมได้กี่ไลน์(เสียง) กันแน่ เพราะสมัยนั้นต้องอัดเสียงพร้อมกันทุกเครื่องมือดนตรีในห้องใหญ่...

ถ้าเพลงที่มีแค่ กีต้าร์ เบสส์ คีบอร์ด กลอง ลงเสียงพร้อมกันพอได้ ไม่กี่เท็คก็พอจะผ่าน

แต่ถ้ามีเครื่องเป่ามาผสมทั้ง แซกฯ ทรัมเปต ทรัมโบน อันนี้ละยุ่งน่าดู

เพราะใครเป่าเสียง ปี๊ แพร่ด หลุดมาหน่อยก็ต้องเอาใหม่..หลายเท็คกันทีเดียว

เครื่องมืออื่นยังไม่เท่าไหร่ ประเภทเครื่องเป่านี่แหละ แก้มป่องไปตามกัน..ต่างคนต่างค้อนเข้าใส่กันเอง ถ้ามีอาการเป่าผิดบ่อยๆ

ต่างกับเครื่องอัดเสียงสมัยนี้..ที่มีช่องมิกเซอร์ส่วนตัวเลย..เพราะมีหลายแทร็ค ใครผิดก็ว่าไปที่ช่องของตัวเอง ผิดเองแก้เองไม่ต้องลำบากเพื่อนนักดนตรีด้วยกัน

นี่ไงครับ คือความทันสมัยของเครื่องอัดเสียงสมัยใหม่..บางครั้งยังทำเสียงแทนให้ได้อีกไม่ต้องใช้คนเล่นด้วย

ประสิทธิ์ออกจากวงผมไปก็ไปตั้งวงอีกหลายวง เท่าที่จำได้มี เอ็ม.7..จูปีเตอร์ และวง แฟนตาซี่ ผมกับเขาก็ยังไปมาหาสู่กันตลอด

ในช่วงปี 2518 ผมไปแสดงดนตรีที่ไต้หวันครั้งที่สอง..ภายใต้ชื่อวง บางกอก 17ครั้งนั้นอยู่ประมานหกเดือน สัญญาหมดกับโรงแรมเพราะวีซ่าให้ได้เท่านั้น

วงที่มาเล่นต่อจากวงผมก็คือวง แฟนตาซี่ จากการนำของ ประสิทธิ์ ชำนาญไพร คนนี้แหละครับ

วันที่นักดนตรีจากกรุงเทพเดินทางมา พวกผมนักดนตรีทั้งวง บางกอก 17 ก็เตรียมไปรับเพื่อนที่สนามบิน เพราะนักดนตรียุคนั้นรู้จักกันหมด

ก็ตื่นเต้นซีครับ..ที่จะได้พบเพื่อน ที่เป็นคนไทย นักดนตรีไทย เพราะจากเมืองไทยมานานถึงหกเดือนวันๆเห็นแต่ ตี๋ กับ หมวย ที่ไต้หวัน

ประมานบ่ายโมงที่สนามบิน เครื่องบินที่นำนักดนตรีก็ลงจอดรันเวย์..พวกเราเกาะราวอยู่บนชั้นสองของท่าอากาศยานเพื่อรอพบเพื่อน

กว่าจะผ่านด่านตรวจเครื่องดนตรี และจิปาถะใช้เวลานานเป็นชั่วโมง

ช่วงนั้นได้ยินเสียงเครื่องขยายของท่าอากาศยานประกาศ เรียกหา..

มิสเตอร์ ชำนาญปิ๊..มิสเตอร์ ชำนาญปิ๊

พวกเราหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัยว่าเจ้าหน้าที่สนามบินขานชื่อใครกันแน่

นิยม พงษ์พันธ์ นักร้องวงผมเอ่ยขึ้น

อ๋อ..เค้าเรียกไอ้สิทธิ์..มันนามสกุล ชำนาญไพร คงเขียนภาษาอังกฤษเพี้ยนไปไงไม่รู้ เขาถึงอ่านเป็น ชำนาญปิ๊

เสียงฮากันครืนจากพวกเรา

ค่ำนั้น ทางโรงแรม เหม่ฉีต้าฟั่นเตี้ยน จัดการเลี้ยงรับรองวงแฟนตาซี่ และ เป็นการเลี้ยงส่งวง 

บางกอก17 นักดนตรีทั้งสองวงต่างสนุกสนานครึกครื้นล่อกันเต็มคราบ

นิทานหลายเรื่องที่สนุกผสมลามกทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มนักดนตรีพวกเรานี่แหละหัวเราะกันกลิ้งไปกลิ้งม

ช่วงหนึ่งประสิทธิ์เดินมาที่ข้างหลังผม พร้อมเอามือบีบที่หัวไหล่ผม แล้วก็พูดขึ้นต่อหน้าเพื่อนๆทั้งหมดในที่นั้นว่า

ไอ้ชัยมันเป็นเพื่อนที่ดีของกู มันไม่เคยทำให้เพื่อนโกรธเลยแม้แต่คนเดียว

หยุดพูดนิดแล้วก็หยิบแก้วน้ำขึ้นดื่ม.
.
มันไม่เคยขัดใจเพื่อน บอกให้ทำอะไรมันก็ทำ..ไอ้เพื่อนคนนี้กูต้องจำเอาไว้ในใจ

แหม..คำพูดมันช่างหวานหูผมซะจริง ตอนนั้นคิดอย่างนี้

แล้วประสิทธิ์ก็พูดต่อ..

เอาเป็นว่าต่อให้กูตายไปกูก็จะไม่ลืมมึง

เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย”..ผมสวนทันที

ลืมกูเท๊อะ..ตายแล้วยังเสือกไม่ลืมกูอีก..เชี่ยเอ๊ย

(ขอวิญญาณ ของ ประสิทธิ์ ชำนาญไพร จงไปสู้สุขคตินะเพื่อน)

******


Share on Google Plus

About noomchingchai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment