ผู้ชี้ทางพ้นทุกข์ให้ชาวโลก



ผู้ชี้ทางพ้นทุกข์ให้ชาวโลก

**********

เมื่อ..ความแก่เป็นทุกข์ ความเจ็บเป็นทุกข์ และความตายเป็นทุกข์นั้น

ไม่ต้องให้พระพุทธเจ้าทรงมาตรัสบอกพวกเราก็พอจะรู้สึกได้ เพราะเมื่อถึงเวลาทุกคนก็ต้องประสบกับสิ่งเหล่านี้ด้วยกันทั้งนั้น


แต่..พระพุทธองค์เมื่อทรงเห็นแล้ว ก็เพียรแสวงหาความดับทุกข์-พ้นทุกข์เหล่านี้เพื่อมาบอกให้กับคนทั้งโลกให้ได้รับรู้

ทรงละทิ้งสมบัติ และสิ่งอันเป็นที่รักทั้งหลาย อย่างชนิดที่ใครก็ไม่สามารถจะทำได้แบบพระองค์
นี่คือความยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยมีในมวลมนุษย์ชาติมาก่อน

จนในที่สุดพระองค์ก็ได้ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความพากเพียรลำบากอย่างยาวนานถึงหกปี

และ..พระองค์ก็ทรงใช้เวลาถึงสี่สิบห้าปี ในการเพียรที่จะสอนทั้งมนุษย์และเทวดาอย่างไม่ลดละและมีวันหยุดแต่อย่างใด

กระทั่งทรงดับขันธ์ปรินิพพาน

พระมหากรุณาธิคุณที่ใหญ่หลวงเช่นนี้เป็นเรื่องที่ชาวพุทธทั้งหลายจะต้องจดจำ และน้อมนำคำสอนของพระองค์มาปฏิบัติอย่างเคร่งครัด

มี ทาน ศีล ภาวนา..พัฒนาไปจนถึง สมาธิ และปัญญา

มีพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ประจำใจอย่างหวั่นไหวและสั่นคลอน

ไม่ใช่ไปเที่ยวจุดธูปไหว้ต้นไม้ หรือ จอมปลวก..นำตัวเองไปนอนในโลงศพ เอาผ้าขาวมาคลุมทำบังสะกุลเป็น-บังสะกุลตาย เพื่อคิดว่านี่คือเป็นการเกิดใหม่ และมั่งคั่ง

พระพุทธเจ้า ไม่เคยสอน..

ทาน ศีล ภาวนา ทำสมาธิ รู้กายรู้ใจตนเอง อยู่กับปัจจุบัน..บุญกุศลทั้งนั้น

กุศลเกิด..อกุศล(กิเลส) ไม่มีทางโงหัวได้แน่นอน

นี่คือการพ้นทุกข์ที่แท้จริง ความแก่ ความเจ็บ ความตาย จะไม่สามารถสร้างความหวั่นไหวให้เราได้เลย
เมื่อเราได้ปฏิบัติธรรมโดยที่มีเป้าหมายหลุดพ้นจากวัฏสงสาร ไม่ต้องมาพบกับ ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่ต้องเวียนว่ายไม่รู้จักจบสิ้น

เป็นพระมหากรุณาธิคุณที่จะหาอะไรมาเทียบไม่ได้เลย

พุทธังสรณังคัจฉามิ

***********


เครดิตภาพจาก GOOGLE
Share on Google Plus

About noomchingchai

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment