สิ่งที่เลิศที่สุด
*****
การทำอานาปานสติ
คือการทำสมาธิด้วยการรู้ลมหายใจของตนเอง
นั่งรู้ลม
รู้ไปทำไม?..รู้แล้วได้อะไร?
โง่หรือเปล่า
มานั่งดูลมหายใจตัวเอง..เมื่อก่อนผมก็เป็นอย่างนี้เพราะครูบาอาจารย์ที่สอนรู้ไม่จริง
ตอบผมไม่ได้
ซึ่งในความเป็นจริง..
สมณะพราหมณ์เหล่าอื่นก็มีการทำสมาธิ(จิตตั้งมั่น)มาก่อนพระพุทธเจ้า..แต่ว่าคนละทางกัน
พระองค์ทรงตรัสรู้ในคืนวันเพ็ญเดือน๖ในขณะที่จิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
ตั้งมั่น ทรงบรรลุญาณ 3 แต่ละขั้นในปฐมยาม มัชฌิมยาม และปัจฉิมยาม ตามลำดับ ในช่วงเวลานี้จึงทรงรู้ว่าอวิชชาถูกกำจัดแล้ว
ทำไมพระพุทธองค์ทรงสอนให้เรารู้ลม..เพราะการทำอานาปานสติเป็นการเจริญสติปัฏฐาน๔
คือกาย เวทนา จิต ธรรม
..
ขณะที่เรานั่งรู้ลม..ลมที่ผ่านจมูกเราไป-มานั้น
พระองค์ตรัสว่านี่คือกายในกายหนึ่งของเราเรียกว่าเห็นกายในกาย คือ กายคตาสติ
ในขณะที่เรานั่งรู้ลม..เราเห็นความเฉยๆในเวทนา
(เวทนา คือสุข-ทุกข์ เฉยๆ)เรียกว่าเห็นเวทนาในเวทนา
ขณะที่นั่งรู้ลม..ทำให้เห็นจิตของเราที่เฝ้าดูลมอยู่นั้น
เรียกว่าเราเห็นจิตในจิต
และขณะที่นั่งรู้ลม..เรามองเห็นจิตที่เป็นของไม่เที่ยงสาดส่ายไป-มา..หา
อดีตบ้าง อนาคตบ้าง คิดไปต่างๆนา เรียกว่าเห็น ธรรมารมณ์
นี่แหละคือเรากำลังเจริญสติปัฏฐาน๔ กาย เวทนา จิต ธรรม.. ๔ฐานครบครับ
พระองค์ทรงตรัสว่า
ชนเหล่าใดชื่อว่าได้เห็นกายคตาสติ..ชนเหล่านั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้เห็น อมตะ
(เป็นอีกชื่อของนิพพาน)
และในขณะที่เรานั่งรู้ลมด้วยการทำอานาปานสติ
พระพุทธองค์กล่าวว่า นั่นคือการทำความเพียรเผากิเลส ..กิเลสใหม่เข้าไม่ได้และกิเลสที่นอนเนื่องในใจมานานก็ถูกเผาสิ้น
อานาปานสติเป็นสิ่งที่เลิศที่สุด..กุศลของการทำมีมากกว่า
สร้างโบสถ์ -สร้างวิหาร -ถวายของพระสงฆ์ ซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มากกว่าศีล
มากกว่าการยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ
แม้จะทำเพียงแค่ลัดนิ้วมือ..คือชี้นิ้วขึ้นแล้วลดนิ้วลง
อานิสงส์มากกว่าการสร้างบุญทุกอย่างที่กล่าวมา
ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของพวกเรานี้..จะรออะไรอีกล่ะครับ..เพื่อน
ใครทำใครได้..รีบทำเลยครับ
ไม่มีใครหายใจแทนกันได้ เป็นปัจจัตตังรู้ได้ด้วยตัวของเราเองเท่านั้น
เร่งทำให้มาก
เจริญให้มาก พ้นนรกแน่นอน..ขอให้เชื่อพระพุทธเจ้าเถิดครับ
พุทธังสรณังคัจฉามิ
******
เครดิตภาพจาก
GOOGLE
Blogger Comment
Facebook Comment