ไปทางเจริญ
ไม่ไปทางเสื่อม
******
โดยปกติ..
คนเราจะไม่กล้านึกถึงความตายของตนเลยแม้แต่น้อย
เพราะเข้าใจว่าการนึกคิดอย่างนั้นมันไม่เป็นมงคลให้แก่ตัวของเราเอง.
พระพุทธะองค์ทรงตรัสถามพระอานนท์ว่า.
.
“อานนท์ ระลึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง”
“สาม-สี่ ครั้งพระเจ้าข้า”..พระอานนท์ตอบ
พระศาสดาทรงตรัสต่อไปว่า..“ตถาคต
ระลึกถึงความตายทุกลมหายใจเข้าออก”
เพราะความแก่เป็นทุกข์
ความเจ็บเป็นทุกข์ และ การตายเป็นทุกข์..ตรงนี่แหละที่ทำให้เจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงออกค้นคว้าจนพบวิธีแก้การพ้นทุกข์และนำมาบอกแก่ชาวโลก..
เพื่อไม่ให้ต้องวิตก
หรือ กลัวความตาย เมื่อเวลาที่มันจะมาถึง
พระพุทธองค์ไม่สามารถช่วยคนได้ทั้งโลก
แต่ถ้าผู้ใดได้ทำการศึกษาธรรมของพระองค์ก็จะหลุดพ้นได้และช่วยตัวเองได้
ก่อนอื่นต้องมาทำความเข้าใจก่อนว่าตายแล้วไปไหน?
ความตายไม่ใช่ตายแล้วตายเลยจบสิ้นสูญหายเจ๊ากันไป..และความตายก็ไม่ใช่เมื่อตายปุ๊บแล้วจะได้เกิดใหม่ขึ้นปั๊บในทันที
อย่างที่ร่ำลือกัน
เพราะ..นั่นคือการสั่งสอนกันมาอย่างผิดๆทำให้คนเกิดความฮึกและเหิมเกริม กล้าที่จะกระทำกันแบบไม่ยั้งคิดในชีวิตที่เหลืออยู่นี้
โดยที่มีกิเลส
ตัวโลภ โกรธ หลง คอยบงการชักพาให้ ติดโลก หลงโลก ยึดโลก อย่างเหนียวแน่น
ซึ่งเมื่อตายจะไม่พ้น
นรก เดรัจฉาน เปรตวิสัย ไปได้เลย
พระศาสดากล่าวว่า..”ทุกขุมของนรกคือความหฤโหด ทารุณ
ร้ายกาจ สุดที่จะพรรณนา”
และ..การไปลงนรกก็ไม่ใช่นาน
แค่ปี แค่เดือน หรือวัน แต่ว่า..หลายกัป
หลายกัลป์ และก็ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเป็นมนุษย์อีก..
นี่คือความน่ากลัว..
เร่งครับ..เร่งหาสิ่งคุ้มครองและคุ้มกัน ด้วยการพึ่งตน-พึ่งธรรม
เอาว่า
มีศรัทธา(พระพุทธเจ้า)- มีศีล๕ -มีสุตตะ(การฟังธรรม)- มีจาคะ (ละความตระหนี่) -มีปัญญา
ทั้งห้าสิ่งนี้
คือความสมปรารถนา..ชีวิตนี้ก็จะมีแต่ไปทางเจริญไม่ไปทางเสื่อม หลุดพ้นได้ครับ
พุทธังสรณังคัจฉามิ
*******
เครดิตภาพจาก GOOGLE
Blogger Comment
Facebook Comment