วันนี้ วันพระ แรม๑๔ค่ำ เดือน๕ ปีวอก วันพฤหัสที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๕๙
******
องค์พระศาสดาทรงได้กล่าวไว้ว่า..
ร่างกายของมนุษย์นั้นจำเป็นจะต้องมีอยู่สองสิ่งนี้จึงจะมีชีวิตยืนอยู่ได้
คือ..
๑ อาหาร
๒ จิตใจ
ถ้า..ร่างกายขาดอาหารก็ตาย..
เช่นเดียวกับเมื่อร่างกายขาดจิตใจก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน
พระพุทธองค์ทรงเน้นว่า..จิตใจนี้สำคัญนัก
จะต้องรักษาจิตใจของเรานี้ให้อยู่กับเนื้อกับตัวอย่าปล่อยให้จิตหลุดออกไปข้างนอกบ่อย..
ผู้ที่มีจิตลอยล่อง เผลอไผล เหม่อลอย
คือคิดโน่น คิดนี่ คิดอย่างไม่หยุดหย่อน
นั่นละ..คือความฟุ้งซ่าน..เมื่อเกิดขึ้นแล้วหนักเข้า
หนักเข้า จะเป็นผู้ขาดความทรงจำควบคุมสติไม่อยู่ ในที่สุดจนถึงเป็นบ้าก็ได้..
พระองค์ทรงสอนให้เรามีสติ
คือทำสติให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เห็นและทำได้ง่ายสุดคือ
การทำ ”อานาปานสติ” ด้วยการตามรู้ลมหายใจเข้าออกของตัวเราเองนี่แหละ
เอาสติอันนี้มาอยู่กับกาย หรือ อยู่กับตัวของเราให้มากที่สุด
ก็คือการรู้อารมณ์ในปัจจุบัน นั่นเองไม่ว่าจะ ยืน เดิน นั่ง นอน..ทุกอริยะบท
- สติทำให้มีศีล
- สติทำให้มีสมาธิ
- สติทำให้เกิดปัญญา
ลมหายใจของเรานี้ก็คือกายของเรานั่นเอง..ที่เรียกว่าเอากายรู้กาย
เอาใจไปสอนใจ
ผลของการทำ ”อานาปานสติ” บ่อย จะทำให้เป็นผู้มีความจำดี อายุยืน
และโรคภัยไข้เจ็บไม่มาเบียดเบียน..
"เรา..ต้องฝึกเป็นคนที่รู้ลมหายใจของตนเอง
ด้วยการเจริญภาวนาฝึกบ่อย ทำบ่อยจนชำนา
เรียกว่าทั่งเฮือกสุดท้ายของชีวิตเรายังรู้..จะไม่มีทางหลุดไป-หลงไป
แห่งอบายภูมิแน่นอน
ครับ คำสอนของพระพุทธเจ้าเยี่ยงนี้..ไม่มีอยู่ในศาสนาใดๆในโลก"
นี่คือ”อริยะมรรค”
หรือเส้นทางแห่งการพ้นทุกข์ที่แท้จริง
*****
เครดิตภาพจาก : google
หนุ่มชิงชัย
Blogger Comment
Facebook Comment