แด่..แอ๊ดเพื่อนรัก
ด้วยรัก-ประทับใจ
เขาชื่อ “ชูชีพ
ทองแย้ม” วงดนตรีที่เขาโด่งดังคือ “วงคิงสตาร์” เล่นประจำที่อุบล ..ตอนที่มีการประกวดดนตรีที่
ไคเช็คชนม์ วงของแอ๊ดสร้างความตลึงให้กับนักดนตรีที่กรุงเทพ..เพราะ”เจ้าน้อย” มือกีต้าร์เล่นเพลงเดอะ
ชาโดว์ ด้วย”แอคโค่เทป” หรือ” รีเวิร์ฟ”ขณะที่วงอื่นในช่วงนั้นไม่มีใครมี..
“แอ๊ด”เป็นคนที่มีอัธยาศัยเยี่ยมมากกับเพื่อนฝูง
และรักพี่-รักน้องเป็นที่สุด
น้องสาวของแอ๊ดคือ“เจ้าป้อม”
ฉวีวรรณ ทองแย้ม..พี่มือกลอง น้องร้องเพลง คนละวงนะครับ
เมื่อขนกลับมาอยู่กรุงเทพ
ก็ทำวงใหม่ชื่อ “โปรเฟรสชั่นแนล” มีเครื่องเป่าพร้อมเล่นกันแน่นปั้ก ที่รร.แอมบาสเดอร์
บ้านของสองพี่น้องจะมีการจัดปาร์ตี้
บ่อยที่สุด..เพื่อนฝูงมากมายทั้งในวงและต่างวงไปเฮฮาด้วยวงรัมมี่+ป๊อกเด้ง..ผมกับ
ต้อย เศรษฐา(อิมฯ) เป็นขาประจำ
แอ๊ดกับผมจะสนิทกันมาก
เวลาไปต่างจังหวัดหรือต่างประเทศเราสองคนจะจับคู่พักห้องเดียวกันเสมอ
ปีนั้น
น่าจะเป็นปี 2535 ถ้าจำไม่ผิด..วันนั้นผมไปตัดสินดนตรี โค้กมิวสิคอะวอร์ด ที่
เวิร์ลเทรดราชประสงค์ มี ประสิทธิ์ ชำนาญไพร/สมชาย ศรีสุพรรณดิษฐ์/บุญเลิศ
เพชรประดับ และ ฉวีวรรณ ทองแย้ม คนสวย..
เย็นวันนั้น..แค่ดนตรีวอร์มอัพยังไม่ทันเล่นเราคุยกันอย่างสนุกสนาน..ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าป้อมก็ดังขึ้น..
พวกเราไม่ได้สนใจ แต่ เจ้าป้อม ตาเหลือกตาปลิ้นไปแล้ว ปล่อยโทรศัพท์ทิ้งกลิ้งอยู่บนโต๊ะ
ทุกคนผงะงง..ผมคว้าโทรศัพท์หยิบขึ้นมาฟัง
เสียงพี่แป๊วพี่สาวคนโตระร่ำระลักมาตามสายว่า”เจ้าแอ๊ดตายแล้ว”
อย่าว่าเจ้าป้อมช็อคเลย..
ผมก็ช็อค.. ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นช็อคกันทุกคน
สรุปก็คือ”ฉวีวรรณ”ไม่อยู่ในสภาพที่จะช่วยตัวเองได้เหมือนคนขาดสติ..
ในที่สุดทุกคนมีมติให้ผมนำเจ้าป้อมกลับบ้านด่วน
กว่าจะพาไปขึ้นรถได้ก็ทุกลักทุเล..
ระหว่างทางที่ผมขับรถไปบ้านแอ๊ดเป็นเวลาโพล้เพล้เต็มที
รถติดแหมะ..เจ้าป้อมครวญครางอย่างน่าสงสาร เพ้อรำพันถึงพี่ชายปานว่าใจจะขาด
มาถึงบ้านที่ซอยสุทธิสารก็มิดพอดี..
พอถึงบ้าน
“รุ่งพิรุณ”กับ”ผุสดี” สองนักร้อง”ฮ็อทเป็ปเปอร์”คนดังมาช่วยกันประคองเจ้าป้อม..เอาละทีนี้สามคนร้องไห้กันเจี๊ยวอยู่ตรงหน้าประตูนั่นแหละ..หดหู่ที่สุดครับ
พักใหญ่ถึงได้ประคองกันเข้าบ้าน..ไปรวมกับพี่สาวที่รออยู่ในนั้น
ทีนี้ก็ดังมาเป็นระยะ
ระยะ..คือเสียงร้องไห้ สลับกับเสียงสะอื้นรำพันของเธอทั้งสี่
ในที่สุด..ก็มีเสียงเรียกผมให้เข้าไปในบ้าน..เพราะผมนั่งอยู่หน้าบ้านไม่ได้เข้าไปด้วย
“ไม่เป็นไร
ชั้นนั่งรออยู่ตรงนี้ได้” ผมตระโกนตอบเข้าไป
โธ่..ใครจะกล้าเข้าไป..นอนแผ่กลางบ้านคลุมด้วยผ้าแพรสีเหลืองอ๋อยเห็นตำตาอยู่อย่างนั้น..จะเป็นไรไปไม่ได้นอกจาก”เจ้าแอ๊ด”เพื่อนรักผมนั่นเอง
ยามมีชีวิต
จะให้กอดคอลูบบ่าลูบหลังกันยังไงก็ได้..แต่ยามนี้ บรื้ออออ..
ข้างนอกก็มืดวังเวงน่ากลัว..ข้างในก็
อูย อย่าให้พูดถึงดีกว่า..บรรยากาศมันแสนจะทรมานที่สุดในชีวิตเลยละ
เสียงร้องไห้
สลับรำพันและปรึกษากันเป็นระยะ..ในที่สุดก็เป็นเสียงพี่แป๊วพี่คนโตที่พูดแบบชัดถ้อยชัดคำดังได้ยินชัดเจน
“ชั้นว่าเอาใส่รถอีตาหนุ่มเนี่ย..ไป”
เท่านั้นแหละผมร้องลั่น”เฮ้ยยยยย”โดดขึ้นรถสตาร์ทพรวดแบบยอมเสียมารยาทไม่ร่ำไม่ลา..แน่บหลุดออกซอยมาเหมือนเหาะ
“โธ่
พี่แป๊วแกคิดได้ไงวะเนี่ย”
ถ้าเป็นตามนั้นจริงๆ
รถคันนั้นกรูต้องยกให้ ปอ เต๊ก ตึ้ง แน่
เพื่อนก็เพื่อนเหอะวะ
**************************
Blogger Comment
Facebook Comment