วิปัสสนากรรมฐาน..
********
ทุกวันนี้ยังมีผู้เข้าใจว่าแค่การทำบุญ
ใส่บาตร ไปฟังพระสวดงานศพ ร่วมสร้างโบสถ์ สร้างกำแพง ผ้าป่า องค์กฐินฯลฯ เหล่านี้คือการที่ได้เป็นชาวพุทธอันสมบูรณ์ในแล้ว
ไม่ใช่ครับ..
พระพุทธองค์ทรงสอนให้
เจริญภาวนาปฏิบัติธรรมมากกว่าทำบุญ..เพราะการปฏิบัติธรรมคือ”กุศลบุญ”ที่สูงสุดในชีวิตไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว
ต้องศึกษา”ธรรมมะ”ของพระพุทธเจ้า
เพื่อที่จะน้อมนำไปปฏิบัติ ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่า”พระพุทธเจ้าทรงสอนอะไร”?
พระพุทธองค์ทรงสอน
อริยะสัจ ๔ หรือ ความจริงอันประเสริฐ อันได้แก่..
ทุกข์ สมุทัย
นิโรธ และ มรรค
พระองค์
ไม่ได้ให้ต้องทำอะไรหนักหนาสาหัสถึงกับจะต้องไปขุดดิน แบกหิน ขนทราย โบกปูนให้ลำบากยากเย็น
..
แค่เพียงให้เราทำ”อานาปานสติ”
ด้วยการให้รู้ลมหายใจของตัวเราเองเท่านั้นว่า เข้า-ออก อย่างไร..สั้น-ยาวขนาดไหน เพื่อให้ได้มาซึ่ง”สติ”
เมื่อมีสติมั่นคงดีแล้วจนเกิดเป็น”สมาธิ”
ที่แน่วแน่ (สมาธิ แปลว่า จิตตั้งมั่น)
ก็นำเอา”สติ”นั้นมาควบคุม
กาย และ ใจของเราอีกที
ดังนั้นไม่ว่าเราจะทำ-เราจะพูด-แม้กระทั่งคิด
ล้วนถูกกำกับไปด้วย”สติ” รวมไปถึงการยืน เดิน นั่ง-นอน ก็มีสติตามรู้ตลอด
ตรงนี้แหละครับ
ที่พระพุทธเจ้าต้องการให้ภิกษุสาวกของพระองค์ รวมไปถึงสาธุชนทั่วไปได้ปฏิบัติที่
เรียกว่า”วิปัสสนากรรมฐาน”
“ปัสนะ”
แปลว่า เห็น..”วิ” แปลว่า แจ้ง
ก็..คือการรู้แจ้ง
เห็นไปตามความเป็นจริงของกาย-ของใจ นั่นเอง..หรือที่เรียกกันว่า”อยู่กับปัจจุบัน”
“วิปัสสนากรรมฐาน”นี่แหละ
ที่ทำให้ เจ้าชาย”สิทธัตถะ” ได้สำเร็จเป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
ดังนั้น..เมื่อเราได้ทำปัจจุบันดี-อนาคตต้องดีแน่ๆ..เพราะมันคือการเวียนส่งของกฏแห่งกรรม
การปฏิบัติธรรมที่ว่านี้ท่านจะทำที่ไหนก็ได้สุดแต่ว่าท่านจะสะดวก..
สำหรับท่านที่ได้ปฏิบัติธรรมมาตลอดอยู่แล้ว
ขออนุโมทนาด้วยครับ
*********
โชคดีครับ ที่เราเกิดมาเป็นคนไทย
อยู่ในศาสนาพุทธ
โชคดีครับ ที่เราได้มีโอกาสรับรู้ธรรมะจากสมณะโคดมผู้นี้
โชคดีครับ ที่เราได้มีโอกาสศึกษาและปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้า
โชคดีครับ..ที่เรามีพระองค์เป็นหลักยึดเหนี่ยว
พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน..อย่าลังเล
หรือ รีรอเลยครับ..เพราะท่านคือผู้โชคดีแล้ว
ถ้าเรายังไม่ตาย
จะไม่มีคำว่าสายแน่นอนครับ..
พุทธังสรณังคัจฉามิ
*******
ศุกร์ที่ ๒๙
เมษายน ๒๕๕๙
เครดิตภาพจาก GOOGLE
Blogger Comment
Facebook Comment