แอกเนส ชาน
เมื่อสี่สิบกว่าปีที่แล้ว
พระโขนง-คลองตัน ยังเป็นทั้งป่าและท้องร่อง..ผมตระเวนหาบ้านเพื่อที่จะขอเช่าในราคาถูก.บังเอิญ
เจ้าของสวนเป็นเจ้าของกระต๊อบใจดีให้อยู่ฟรีแต่มีข้อแม้ต้องมีหน้าที่เฝ้าสวนให้ด้วย
เงียบมาก
สงบมาก ไม่ต้องจ่ายอีกตระหาก ดีจัง
กระต๊อบหลังนั้นเหมาะที่จะเขียนหนังสือเป็นที่สุด
เพราะไม่มีอะไรรบกวนสมาธิ
วันนั้นออกไปตระเวนตามสำนักพิมพ์ตั้งแต่เช้า..นำต้นฉบับเสนอไปขายสอง-สามที่ไม่มีที่ไหนรับซื้อ
มีอยู่หนึ่งที่ขอเอาไปแค่อ่านดูก่อน
เย็นวันนั้นนั่งรถเมล์กลับมาบ้านด้วยความละเหี่ยเหนื่อยทั้งกายและใจ..โดดข้ามท้องร่องมาสองทีก็ถึงกระต๊อบ
หิวจนตาลายเพราะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่ตอนกลางวัน
ตั้งหม้อข้าวบนเตาถ่านพอน้ำเริ่มเดือดเอาไข่ใส่ไปสองฟอง..ได้กินข้าวคลุกไข่ราดน้ำปลาแค่นี้ชีวิตก็เหลือสุข
อาบน้ำที่ตุ่มข้างกระต๊อบสดชื่นขึ้นมาทันที..
ได้เวลาโพล้เพล้ขณะที่นั่งบนแคร่หน้าบ้านอ่านดูต้นฉบับเพื่อรอให้ข้าวสุก..ได้ยินเสียงแว่วถนัดหู
“ทำอะไรอยู่คะ”
เฮ้ยย.. เสียงผู้หญิงนี่หว่า
มีแต่เสียงแต่ไม่เห็นตัว ..ชิ๊ปหาย!!..ผีหลอกตั้งแต่ตอนหัวค่ำเลยหรือเนี่ย
ผม เหลียวซ้ายและขวา
เพื่อค้นหาที่มาเจ้าของเสียง
“คุณไม่เห็นฉันหรอกค่ะ
เพราะฉันมาได้แค่เสียง”
“ผี” ผมอุทาน
“ไม่ใช่ค่ะ..ไม่ต้องกลัวนะคะฉันทำอะไรคุณไม่ได้หรอก
เพียงแต่จะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“ขอความช่วยเหลือจากผม”..ผมทำหน้าสงสัย
“ใช่-ค่ะ”
เสียงหวานเจี๊ยบ
“ยังไงครับ และคุณเป็นใคร”
“ฉันเป็นนักร้องฮ่องกงค่ะ
ชื่อ แอกเนส ชาน”
“อ้าว..แล้วทำไมพูดไทยได้”
...น่าสงสัย
“เสียง
เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ ถ้าไม่มีร่างกายกำหนดควบคุมเอาไว้ ..จะพูดภาษาอะไรได้ทั้งนั้นค่ะ
แต่ถ้าอยู่ในการควบคุมของร่างกายจะพูดได้เฉพาะภาษาที่เคยรู้มาก่อนหรือเรียนมาเท่านั้น”
“อือ” ชักเริ่มกล้าคุย..”แล้วคุณไปไงมาไงเนี่ย”
“ดิฉัน
มาโชว์คอนเสิร์ตที่ โรงหนังสามย่าน เปิดรอบพิเศษค่ะ คุณเคยฟังเพลงที่ฉันร้องมั้ยคะ”
“เคยสิ ชอบมากด้วย
โน บอดี้ส์ ไชลด์ ไง..แล้วทำไมถึงมานี่ๆได้ล่ะ”
“เผอิญเสียงของฉันหลุดจากการควบคุมลอยมาตามลม
จนถึงนี่แหละค่ะ”
“อ้าวยุ่งล่ะ..ทางโน้นไม่วุ่นวายกันเหรอครับ”
“น่าจะยุ่งมาก”
..น้ำเสียงเธอออกแววกังวล
“แล้วผมจะช่วยได้ยังไง”
“อยากจะให้นำเสียงของฉันใส่ขวดโหล
หรืออะไรก็ได้ที่มีฝาครอบแล้วช่วยนำไปส่งให้ที”
ไม่รอช้า..ผมโดดรื้อตู้ทันที
ได้ขวดโหลปลากัดเก่าเอามาล้างด้วยความรวดเร็ว แล้วเอาผ้าคว้านเช็ดถูอย่างสะอาด
เปิดฝาครอบขึ้นพร้อมพูดว่า
“คุณ คุณครับเข้ามาได้แล้วครับ”
ได้ยินเสียงจากปากฝาขวดโหล
“ขอบคุณค่ะ”
ผมคว้าเสื้อยืดมาใส่อย่างง่ายๆกระโดดข้ามท้องร่องตรงดิ่งไปปากซอยโดดขึ้นรถเมล์ทันทีสมัยนั้นรถไม่มาก
ถนนว่างโล่งวิ่งได้ฉิว
ขณะที่รถผ่านถึงศาลาแดงหน้าสวนลุมฯ
ผมค่อยๆแง้มฝาขวดโหล
“เกือบถึงแล้วนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ที่หน้าโรงหนังกลาหลวุ่นวายผู้คนเตรียมเข้าไปชมภาพยนตร์พร้อมคอนเสิร์ตเปิดหนังของแอกเนส
ชาน..ที่หลังโรงกลับวุ่นวายหนักกว่า มีรถพยาบาลมาจอดเทียบอยู่สองคัน
ที่ประตูหลังโรงหนังผมพยายามเบียดผู้คนพร้อมหนีบกอดขวดโหลไว้แน่น
..คิดเพียงว่าขอให้หลุดเข้าไปที่หลังโรงให้ได้อย่างเดียวเท่านั้น ..
และก็สำเร็จ..
สิ่งที่เห็นตรงกลางห้อง
มีเตียงพยาบาล แอกเนส ชาน นอนลืมตาเหลือบมองคนโน้นที คนนี้ที
มีหมอห้อมล้อมอยู่สาม-สี่คน และอีกกลุ่มที่เกาะติดอยู่กับเตียง
น่าจะเป็นญาติหรือผู้จัดการของเธอ
โอกาสนี้ดีสุดแล้ว..
ผมเปิดฝาขวดโหลแล้วกระซิบเสียงแผ่วลงไป.. “ถึงแล้วครับ..โน่นผมเห็นคุณนอนอยู่ตรงนั้น”..รู้สึกมีลมวูบผ่านผมไป..พักเดียว
ทั้งหมอและคนที่เกาะอยู่ข้างเตียงก็ฮือ
ทั้งหมดตื่นเต้นดีใจที่
แอกเนส ชาน นักร้องสาวสามารถกลับมาพูดได้แล้ว
ผมแอบยืนปลื้มอยู่ข้างหลืบมองดูเหตุการณ์
..ตัวแอกเนส ชานเอง พยายามหันมองไปรอบๆตัวเหมือนจะมองค้นหาอะไรสักอย่าง
สักครู่ทั้งมีทั้งเจ้าหน้าที่และพนักงานตำรวจ
มาไล่พวกที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไปจากหลังเวที..ผมโดนผลักเซหลุนๆเกือบตกบันได..เสียดายจังอยากดู
เดินมาที่หน้าโรง
ได้ยินเสียงคนปรบมือสนั่นโรง..เสียงที่รอดแว่วออกมาเพลงแรกที่เริ่มเล่นคือ NO BODY”S CHILD ..ขนของผมลุกซู่ขึ้นมาเหมือนโดนผีหลอก
ยืนกอดขวดโหลฟังเพลงอย่างตั้งใจอยู่ตรงนั้นพักใหญ่
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะแอบเข้าไปดูได้อย่างแน่นอนแล้วกลับบ้านดีกว่า..
ไม่ขึ้นรถเมล์
เดินกลับพร้อมความกับภาคภูมิใจของตัวเองและไม่รู้สึกหิวด้วยทั้งที่ไม่ได้กินข้าว
เสียงรองเท้าผมกระทบพื้นได้ยินชัดในความเงียบ..จนกระทั่งมาถึงหน้าประตูสวนลุมฯ
ความคิดประหลาดผุดขึ้นมาในสมอง...เผื่อว่า
และ เผื่อว่า..มันอาจเป็นไปได้ก็ได้
ประคองเปิดฝาขวดโหลอย่างแผ่วเบากลัวลมที่พัดแรงจัด..จรดริมฝีปากจ่อไปที่ขวดโหลอย่างประคับประคองและทนุถนอม
“คุณ คุณ”...
เงียบ
“แอกเนส ชาน”
เงียบ..!!
************
เครดิตภาพจาก GOOGle
Blogger Comment
Facebook Comment