คู่หู-คู่สร้าง
ถ้าเอ่ยว่า
“ศานิตย์ พงษ์เสนาะ”หลายท่านอาจจะงง-งง แต่ถ้าบอกว่า”ก๊าด เกียกกาย”ทุกคนจะร้องอ๋อร้องเพลงของ
เอลวิส การันตีไม่เป็นรองใครในแดนสยาม จนได้รับสมญาว่า”เอลวิสกี้”
อีกคน “ตุ่ม
ไซมิส” ถ้ามีใครมาบอกว่า สงวนศักดิ์ จิจต์ประเสริฐ จะไม่มีใครรู้แน่นอน..คนนี้คือมือกลอง
ที่มีฝีมือตั้งแต่ ทหารจีไอไอ้กัน เข้ามาเดินเพ่นพล่านที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
สองหนุ่ม-สองมุมต่าง
โคจรไปปักหลักกันที่เชียงใหม่อยู่ยาวชนิดที่เรียกว่า”อู้ก๋ำเมือง”สบาย
..เล่นมั่ง
ร้องมั่ง พักมั่ง
จึงปรึกษากันเปิดร้านอาหารยามว่างเพราะต่างก็มีฝีมือทางนี้กันทั้งคู่
ชื่อร้านของเขาทั้งสองชื่อ”กระชับลิ้น”
อาหารพื้นเมืองทางเหนือไม่คิดทำแข่งกะใคร..นำเมนู
ใหม่มาเสนอซึ่งมี มัสมั่น-สตูลิ้นวัว-แกงกระหรี่เอ็นหมู แค่สามอย่างเท่านี้เองก็ยั่วน้ำลายคนเชียงใหม่ได้แล้ว
ขายเฉพาะกลางวัน
กลางคืนแยกย้ายกันเล่นดนตรี..ลูกค้าประทับใจสุด-สุด
ไม่ต้องจ้างลูกจ้างทำเองทุกอย่าง
เข้าครัวเอง เสริฟเอง ล้างจานเอง-เก็บเงินเอง ใครว่างช่วงไหนก็ทำไปช่วงนั้น
วันนั้นอาจารย์สาวสามคนขับรถแวะมาอุดหนุนเพราะชอบชื่อป้ายร้าน
เป็นช่วงที่เอลวิสของเรากำลังทำน้าที่บริการอยู่หน้าร้าน..ตุ่ม
ไซมิส เคาะกระทะอยู่ในครัว
เมื่อทุกคนได้นั่งโต๊ะเรียบร้อย..อาจารย์สาวหน้าหวานเกล้าผมสูงสไตล์คนเหนือเอียงคอเอ่ยถามขึ้นช้าๆด้วยสำเนียงน่ารัก
“อะหยังรำตี๊สุด..จ้าว”
เอลวิสหยิบผ้าขนหนูสะบัดพาดไหล่ตัวเองหยิบสมุดจดออร์เดอร์ขึ้นมาเตรียม
แบบบ๋อยผู้ชำนาญการ
“อ๋อ
อะไรอร่อยที่สุด..อันนี้ผมอยากแนะนำข้าวราดกระหรี่ครับ
เพราะเอ็นหมูเราคัดกันมาอย่างดีนุ่มลิ้นสบายเหงือกลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบ”
สามอาจารย์สาวสวยพริ้งทั้งสามคนสบตากันแบบเห็นพ้อง
แล้วคนเดิมก็หันมาพูด
“เอาจ๊ะ
เดี๋ยวกั่น” แปลว่าเอาเหมือนๆกันทั้งหมด
ก๊าด เกียกกาย
จดยิกยิกลงในสมุด..แล้วหันหน้าแหกปากตระโกนดังสนั่นเข้าไปในครัว
“เฮ้ยตุ่ม..จัดหนัก-จัดเต็มได้เลยโว้ย
โต๊ะสี่กระหรี่ทั้งโต๊ะ”
*************************
Blogger Comment
Facebook Comment